ใครๆก็อยากมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ทุกคนก็บ่นว่าแพงๆๆๆๆ ข้าวของก็แพง แถมค่าเงินก็แพง ไม่ว่าเงินสกุลไหนจะตกจะขึ้น เงินสวิสฟรังก์ก็ยังแพงคงเส้นคงวา ทำให้ทุกอย่างแพงตลอด แม้ของที่เป็นสินค้าสวิสแท้บางทีซื้อนอกสวิตเซอร์แลนด์จะถูกเสียกว่า เช่นนาฬิกา ในฐานะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในสวิตฯ บอกได้เลยว่าถึงของต่างๆจะแพงสำหรับคนที่อยู่นอกสวิตฯ แต่ประเทศนี้ไม่งก เขาไม่ได้รวยเพราะงกหรือเพราะหากินสูบเลือดจากประชาชนหรือคนต่างชาติ บอกไปแล้วจะไม่เชื่อว่า ของฟรีประเทศนี้มีมากมาย และคนเขาใจดีด้วย อะไรเอื้อเฟื้อให้ได้ก็ให้ ดังนั้นการมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องกระเป๋าฉีกเสมอไป หากเที่ยวเป็น

มาเที่ยวยุโรปอย่างไรก็ต้องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ที่สวิตฯมีวันที่พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี ส่วนมากจะเป็นวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่ถึงแม้บางพิพิธภัณฑ์จะไม่ฟรี แต่ทุกเดือนหลายพิพิธภัณฑ์ก็จะต้องมีวันพิเศษอะไรบางอย่างที่เปิดให้เข้าฟรี แนะนำว่าเมื่อรู้วันเดินทางแล้วให้กดเข้าไปดูในเว็บของเมืองที่จะไปและเว็บของพิพิธภัณฑ์ที่สนใจ ลองไล่ดูดีๆเขาจะประกาศวันเข้าฟรีเอาไว้ ถ้าวางแผนดีๆก็จะประหยัดเงินไปได้มากอยู่ ส่วนใครที่เป็นคุณพ่อคุณแม่พาลูกอายุต่ำกว่า 16 มาเที่ยวสวิตฯด้วยนั้นสบายเลยเพราะอย่างไรเด็กๆก็เข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี

พิพิธภัณฑ์ Kunsthaus ในซูริค มีงานของศิลปินดังๆ เช่น Van Gogh, Marc Chagall, Ferdinand Hodler

ส่วนวันเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆนั้น ของฟรีมีมากมาย เช่น วันเปิดไฟ Lucy light ทุกวันพฤหัสที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนที่ถนน  Bahnhofstrasse ใจกลางเมืองซูริคเริ่มเปิดไฟประดับถนนสว่างไสวเป็นสีทอง เป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวได้มาถึงแล้วนั้น ร้านรวงบนถนนช้อปปิ้งหลักนี้เปิดดึกกว่าปกติ แต่ละร้านจะแจกเครื่องดื่มฟรี โดยเฉพาะ Gluhwein หรือไวน์อุ่นตุ๋นกับเครื่องเทศ และมีบูธตามถนนแจกด้วย ได้ดื่มฟรีอุ่นกายอุ่นใจในบรรยากาศรื่นเริง

หรือเวลามีวันช็อปพิเศษในเมืองซูริคช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร้านค้าต่างเอาแชมเปญขนมนมเนยมาแจกให้ลูกค้าที่มาช้อป เราเดินเข้าชมเฉยๆไม่ได้จะซื้อเขาก็คะยั้นคะยอให้ชิม บรรยากาศสนุกคึกคัก เดินชิมทุกร้านก็อิ่มแล้ว สนุกด้วย ส่วนเวลาไปเดินช้อปปิ้งวันปกติทั่วไปนั้น ร้านค้าดีๆหลายร้านจะมีกาแฟฟรีไว้เสิร์ฟลูกค้าอยู่แล้ว เวลาไปช้อปจะซื้อหรือไม่ซื้อ เขาก็เชิญให้ดื่ม เราก็ประหยัดค่ากาแฟได้ทั้งผู้ช้อปผู้ติดตาม กาแฟสวิสแก้วละสองร้อยนะคะ (แต่อย่าทำไม่น่ารักเที่ยวไปเดินสายชิมของฟรีเขานะคะ แค่หมายความว่า ถ้าจะดื่มกาแฟตอนบ่ายช่วงไปช้อปปิ้งพอดีก็ไม่จำเป็นต้องมองหาร้านซื้อกาแฟ เพราะจะได้ดื่มฟรีๆอยู่แล้ว)

เรื่องหนึ่งที่ทุกคนต้องวางแผนกันอย่างขาดไม่ได้ก่อนเดินทางสมัยนี้คือการซื้อซิมการ์ดใส่โทรศัพท์เวลาเดินทาง บางประเทศก็ต้องศึกษาเลือกให้ดีจะได้ไม่แพงเกินไป สวิตฯนั้นนับว่าไม่แพงและซื้อได้อย่างสะดวก แต่เวลาฉันเดินทางในยุโรปนั้นไม่เคยซื้อซิมการ์ดเลย เพราะทุกที่มีไวไฟฟรี ร้านอาหารโรงแรมสถานีรถไฟสถานบริการต่างๆมีให้ใช้ฟรีทั้งนั้น ขอรหัสเขาได้ไม่ต้องเหนียมอาย บางที่ก็ไม่ต้องใช้รหัสด้วย เขาเปิดให้ใช้ฟรีเลย ดังนั้นทุกครั้งที่มีเวลานั่งลงจับโทรศัพท์ก็จะมีไวไฟเสมอโดยไม่ต้องโรมมิ่งหรือใส่ซิม ที่สวิตฯนี่ทุกสถานีรถไฟมีไวไฟฟรี บนรถเมล์ก็ยังมี ยกเว้นแต่คนที่ติดจะต้องออนไลน์ทุกวินาทีจริงๆจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ อันนั้นก็คงต้องซื้อ ส่วนอิตาลีนั้นมีไวไฟฟรีให้แม้แต่บนถนนไฮเวย์! ขับไปเปิดกูเกิ้ลแมปนำทางไปได้เลยฟรีๆ

เรื่องสำคัญเวลาเดินทางอีกเรื่องคือห้องน้ำ หลายคนจะกลัวว่าระหว่างวันที่ออกไปเที่ยวนั้นจะไม่มีห้องน้ำดีๆสะอาดๆเข้า หรือถ้ามีก็ต้องจ่ายเงินแพง ที่สวิตฯนี่ห้องน้ำจ่ายเงินก็มีแต่ไม่มาก ห้องน้ำสาธารณะฟรีมีให้ตามจุดต่างๆในเมืองและตามสถานีรถไฟ แม้แต่บนเขาในป่ายังมีและสะอาดมากๆด้วย ส่วนในเมืองถ้าเราเดินชมเมืองหรือช้อปปิ้งแล้วต้องการเข้าห้องน้ำขึ้นมา ฉันพบว่าร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่งเขาใจดีให้เข้าและไม่คิดเงินด้วย หรือที่หากจะเข้าฟรีอย่างสะดวกใจหน่อยก็พิพิธภัณฑ์ ตรงโถงทางเข้าซื้อตั๋วมักจะมีทางไปห้องล็อคเกอร์เก็บกระเป๋าเก็บเสื้อโค็ตซึ่งมักจะมีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ ใครๆก็สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำที่นั่นได้ไม่เสียเงิน หลายคนบ่นว่าเวลามาเที่ยวยุโรปเสียค่าฉี่แพง แต่ฉันอยู่ที่นี่ไม่เคยต้องเสียเงินเข้าห้องน้ำเลย

อ้อมีเกร็ดอีกนิด ห้องน้ำตามปั๊มน้ำมันหลายแห่งตามไฮเวย์นั้นฟรี แต่ถ้าเห็นว่าต้องจ่ายเงิน อย่าเพิ่งเข้าใจว่าไม่ฟรี เพราะหลายแห่งเราเอาตั๋วที่จ่ายค่าห้องน้ำมาลดราคาของที่ซื้อในมินิมาร์ทได้เลยเต็มราคา แปลว่าเข้าฟรีเมื่อซื้อของนั่นเอง แต่เกร็ดคือให้ถามเขาก่อนไปเสียเงินซื้อของ เพราะถ้าซื้อของจ่ายเงินไปแล้วจะเอาค่าตั๋วห้องน้ำมาแลกลดราคาย้อนหลังไม่ได้ อันนี้ถ้าคุณผู้หญิงจะเข้าห้องน้ำส่วนคุณผู้ชายจะซื้อน้ำดื่ม ก็ควรให้คุณผู้ชายรอเอาตั๋วห้องน้ำจากคุณผู้หญิงมาก่อนจ่ายเงินนะคะจะได้ลดไป

บางประเทศไปเที่ยวทีเสียเงินซื้อน้ำดื่มทั้งทริปหมดไปเป็นพันบาท แต่ที่สวิตฯนี่น้ำดื่มฟรี ทุกๆร้อยหรือสองร้อยเมตรจะมีน้ำพุให้รองน้ำดื่ม น้ำก๊อกของสวิตฯเป็นสิ่งหนึ่งที่คนเขาภูมิใจมาก ว่ามาจากแหล่งน้ำจากภูเขาธรรมชาติเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่ดี รสชาติสะอาดบริสุทธิ์ เวลาเดินทางในสวิตฯพกขวดน้ำไว้ก็ดี เอาไว้คอยรองน้ำดื่มพกพา เจอบ่อน้ำพุที่ไหนทั้งในเมืองและบนเขารองได้เลย น้ำพุบางอันใจดีน่ารัก ตรงพื้นทำเป็นทางน้ำไหลออกมาในบ่อเล็กๆให้น้องหมาได้แวะดื่มด้วยพร้อมกับเจ้าของ ช่างคิดช่างมีน้ำใจจริงๆ

สวิตฯมีเทศกาลคาร์นิวาลปาร์ตี้ทั้งหลายมากมายตลอดทั้งปีไม่ว่าจะหน้าร้อนหน้าหนาว กิจกรรมส่วนมากที่เป็นงานใหญ่ของเมืองนั้นส่วนมากจะฟรี เช่นปาร์ตี้คาร์นิวาลที่เดินกันไปตามถนน ทุกเมืองต้องมีช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดูวันเวลาแล้วเราก็ไปยืนชมหรือจะแต่งตัวไปร่วมด้วยก็ได้  งานลอยกระทง (ซูริคก็มีในเดือนธันวาคมแต่ไม่เหมือนของไทย) งานเผาหุ่นฟางในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิเดือนเมษายน งานวันชาติเดือนสิงหาคม งานเทศกาลปาร์ตี้ละตินอเมริกา งานซูริคเฟสติวัลที่มีทุก 3 ปี โอย..สารพัดงานที่มีแทบจะทุกเดือน  ทั้งหมดเข้าฟรีชมฟรีฟังเพลงฟรีเต้นฟรีดูพลุฟรีทั้งสิ้น เสียเงินก็แต่ซื้อของกินที่มีขายเต็มถนนนั่นแหละ ได้เที่ยวฟรีแล้วยังได้สนุกสนานปะปนไปกับคนเมืองเขาอย่างถึงลูกถึงโคน ไม่ใช่ไปแต่ที่นักท่องเที่ยวไป

เดี๋ยวนี้ที่นิยมมากคือเพจในเฟสบุคที่ซื้อขายของมือสองซึ่งมีอยู่ทุกเมือง เช่น Zurich Sale, Secondhand in Zurich, Buy & Sell (ชื่อเมือง) นอกจากจะมีของมือสองราคาถูกสภาพดีขายแลกเปลี่ยนกันในหมู่สมาชิกแล้ว ฉันยังเห็นมีคนโพสต์แจกของฟรีอยู่บ่อยๆ เพราะสมาชิกส่วนมากเป็นคนต่างชาติที่มาอาศัยในเมืองนั้นๆไม่กี่ปีก็ย้าย เขาขี้เกียจขนของกลับ (เพราะค่าขนของอาจจะแพงกว่าซื้อใหม่) หรือเพราะเขาไม่ต้องใช้แล้ว เช่นอุปกรณ์ถุงมือเสื้อแจคเก็ตสำหรับลุยหิมะ ชุดสกี รองเท้าบูตลุยหิมะ พวกนี้มีประโยชน์มากสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเขาไปเล่นหิมะแค่วันเดียว ไม่คุ้มซื้อ มาหาเอาตามโพสต์มือสองนี้ดีกว่า จังหวะดีๆได้ของฟรีไปใช้ แถมไม่ต้องแบกใส่กระเป๋ามาให้เปลืองที่ด้วย แต่ถ้าจะเข้ามาจองของพวกนี้ตั้งแต่ยังไม่เดินทางมาคงต้องวางแผนเรื่องเวลาการรับของกันให้ดีๆ เพราะกฎคือใครจองก่อนหรือมารับของได้ก่อนจึงจะได้สิทธิ์ไปครองก่อน แต่ถ้าใครมีเพื่อนหรือญาติอยู่สวิตฯแล้วนี่สบายเลย เลือกของจองของและนัดหมายกันไว้แล้วฝากเพื่อนไปรับได้ ประหยัดไปหลายตังค์เลย

กินฟรีออนไลน์ฟรีปาร์ตี้ฟรีเข้าห้องน้ำดื่มน้ำฟรีได้ของฟรีแล้ว ทีนี้มาถึงเที่ยวฟรี เชื่อหรือไม่ว่าการเที่ยวที่ได้สัมผัสความเป็นสวิสที่สุดและเห็นสวิตฯแบบคนสวิสแท้ๆเห็นนั้นไม่ต้องเสียเงินสักอย่าง ฟรีทั้งนั้น เพราะนั่นคือการไปเดินในป่า การไปเดินบนภูเขา ไปว่ายน้ำในแม่น้ำลำธาร ไปเดินชมและว่ายน้ำในทะเลสาบ

ทุกเขตที่อยู่อาศัยต่อให้อยู่ใจกลางเมืองใหญ่แม้แต่ซูริค ก็จะต้องมีป่าโปร่งให้คนเดินไปถึงได้ในไม่กี่นาที เพื่อให้ประชาชนของเขาได้เข้าไปชีวิตกับธรรมชาติกับต้นไม้ ตามทางเดินเหล่านี้มักมีป้ายอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับพืชและสัตว์ที่อยู่ในบรืเวณนั้น บางทีก็มีแท่งไม้ บาร์ไม้ให้โหนหรือออกกำลังทำกายบริหารโดยมีป้ายสอนให้ด้วยว่าควรทำท่าอะไรบ้าง ส่วนแม่น้ำลำคลองในสวิตฯเขาก็ดูแลให้สะอาดมากจนคนสวิสพูดอย่างภูมิใจว่าน้ำในแม่น้ำเขาดื่มได้เลย ดังนั้นไปสวิตฯทั้งทีต้องหาทางไปเดินป่าและว่ายน้ำ จะเห็นชาวเมืองที่อยู่ที่นี่ไปใช้ชีวิตกับธรรมชาติกันมากมายเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะวันอาทิตย์ ถ้าหน้าร้อนก็เอาไส้กรอกไปก่อไฟย่างกันตรงเตาเหล็กที่มีให้ในป่า เป็นกิจกรรมที่สะท้อมความเป็นสวิสอย่างที่สุด และไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว! แถมดีไม่ดี ถ้าไปให้ถูกที่ถูกเวลา อาจจะได้เจอเห็ดที่ให้เก็บได้ฟรีๆ (แต่จำกัดคนละกิโล และต้องรู้เรื่องเก็บเป็นไม่อย่างนั้นอาจเจอเห็ดเมา) หรือเจอสวนเชอรี่ติดป้ายไว้ว่าให้เด็ดกินได้ฟรีไม่อั้นด้วยซ้ำ ฉันชอบมาก หน้าร้อนไปเดินเขาผ่านสวนเชอรี่แบบนี้ฉันหยุดเด็ดกินสดๆจากต้นเป็นอ่างๆ อิ่มไม่ต้องกินข้าวเลย

ยิ่งเขียนก็ยิ่งนึกออกว่าที่สวิตฯนี้มีของฟรีมากหลายอย่าง จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลกที่ประเทศซึ่งค่าครองชีพและการมาเยือนแพงเป็นอันดับแรกๆของโลกนี่ กลับมีประสบการณ์ที่ให้สัมผัสความเป็นตัวตนของประเทศเขามากที่สุดเป็นของฟรีทั้งหมด ดังนั้นหากใครอยากเที่ยวสวิตฯแบบคนสวิสแท้ รับรองว่าแทบไม่ต้องเสียเงินเลย ฉันอดนึกถึงที่โคโค่ ชาแนลเคยพูดเอาไว้ไม่ได้ว่า “ของที่ดีที่สุดนั้นมักจะฟรี แต่ของที่ดีรองเป็นที่สองลงมานั้น มันจะแพงหูฉี่เลย”

1 COMMENT

  1. Insider มากค่ะ เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ยิ่งอ่านยิ่งทำให้หลงรักสวิส และต้องหาโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้งแน่ๆค่ะ ช่างเป็นประเทศที่น่าหลงไหลและเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ ทั้งทางธรรมชาติและความคิดความอ่านและหัวใจของผู้คน ❤️❤️❤️??

    ปล ตอนนี้อยู่ interlaken ว่าจะไปหาที่โดดน้ำเล่นฟรรรรรรรี ??‍♀️

Comments are closed.