อยู่ดีๆมีทริปงอกให้ได้ไปนอนเล่นที่ทะเลสาบ Como หนึ่งคืน ไหนๆก็ไปมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ไปชมอะไรที่ไม่เคยไปดีกว่า พร้อมไปหาอะไรอร่อยๆทานก็แล้วกันแต่ก็ขอไปเที่ยวซ้ำหนึ่งที่ คือหมู่บ้าน Bellagio เพราะสามีไม่เคยไป ประหลาดจริง อยู่ซูริกมาจะ 20 ปีไม่เคยไปเบลลาจิโอ้ เลยบอกว่า มา…งั้นเหนือฟ้าจะพาไปเอง

รอบๆทะเลสาบโคโม่มีเมืองและหมู่บ้านน่ารักหลายแห่ง แต่ที่ดังที่สุดก็น่าจะเป็น Bellagio นี่แหละ คงเพราะที่ตั้งที่อยู่ตรงแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลสาบ จึงได้วิวดีแทบจะทั้งเมือง ตัวเมืองมีตึกสีสันสดใสสร้างเกาะเนินขึ้นไปจากริมน้ำ เดินไต่บันไดลัดเลาะไปตามตึกต่างๆสวยน่ารักทุกมุม ริมน้ำก็มีร้านอาหารน่านั่งสบายๆหลายแห่ง การสัญจรนอกจากจะขับรถมาได้แล้วก็ยังสามารถมาทางเรือแท็กซี่ที่แล่นระหว่างบรรดาหมู่บ้านต่างๆริมน้ำได้ ไม่ว่าจะพักเมืองไหนรอบ Como จึงสามารถนั่งเรือมาเที่ยวได้อย่างสะดวก จะเช้าไปเย็นกลับหรือมาแค่ครึ่งวันพร้อมทานอาหารกลางวันหรือเย็นสักมื้อสบายๆก็ได้

สำหรับเราทริปนี้ไม่มีโปรแกรมอะไรพิเศษมากมาย จึงแวะมาเดินเล่นทักทาย Bellagio สั้นๆพอหอมปากหอมคอ อากาศยังเย็นอยู่และแดดไม่กระจ่างมาก ฉันเคยมาหน้าร้อน คึกคักสวยงามยิ่งกว่านี้อีก เป็นฤดูที่ดีที่สุดที่จะแวะมาเยือนหมู่บ้านน่ารักที่มีชื่อเสียงของอิตาลีนี้

นอกจาก Bellagio แล้วรอบทะเลสาบโคโม่นี้มีเมืองและหมู่บ้านเล็กๆล้อมรอบมากมาย แต่ละเมืองก็มีเสน่ห์ทั้งนั้น แต่ที่มีชื่อเสียงนิยมไปท่องเที่ยวกันก็ Bellagio, Varenna, Menaggio สามเมืองนี้ตั้งอยู่ตรงที่ทะเลสาบแยกออกเป็นสามแฉกรูปตัว Y จึงได้วิวดีเป็นพิเศษ และสามารถนั่งเรือข้ามฝั่งไปมาระหว่างสามเมืองนี้ได้ จึงเที่ยวสะดวก ส่วนบ้านของจอร์จ คลูนี่ย์นั้นอยู่แถวเมือง Laglio คราวที่แล้วที่มาเราก็ไปพักที่เมืองนี้ แล้วยังได้ไปแอบด้อมๆมองๆบ้านของพระเอกคลูนี่ย์กันเลย

ส่วนคราวนี้อย่างที่บอกว่ามาแบบไม่แพลนอะไรมาก ค้างเพียงแค่หนึ่งคืน จึงมานั่งเลือกโรงแรมที่จะให้คุ้มที่สุด คือโรงแรมดีๆวิวสวยๆก็จะแพงมากและเหลือแต่ห้องที่ราคาแพงมากแล้วเนื่องจากจองกะทันหัน จะให้นอนโรงแรมไม่สวยวิวไม่งามมันก็จะผิดวัตถุประสงค์การลงไปชิลล์สบายๆซักหนึ่งคืนไปหน่อย หาๆๆๆๆอยู่นานมากจึงได้ค้นพบโรงแรมนี้ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเล็กจิ๋วริมทะเลสาบห่างตัวเมืองโคโม่ไปเพียง 20 นาที ชื่อหมู่บ้าน Torno ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่เพื่อนอิตาเลียนก็ยังไม่เคยได้ยิน และเป็นทางผ่านไปเบลาจีโอ้พอดี ดูแล้วห้องใหม่มาก (ฉันชอบโรงแรมที่เพิ่งตกแต่งใหม่เพราะมันสะอาด) และตัวตึกตั้งอยู่ในน้ำเลย จึงเรียกว่าวิวชิดติดน้ำในทะเลสาบอย่างจุใจแน่นอน ที่สำคัญเป็นโรงแรมเล็กและอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ราคาจึงไม่ดุเดือดเหมือนพวกที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ และที่สำคัญอีกอย่างคือร้านอาหารติดดาวที่ตั้งใจไปทานก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เช่นกัน จึงสะดวกลงตัวจองที่นี่

พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังจริงๆ โรงแรมเล็กแต่การบริการ ความสะอาด และที่ตั้งนั้นยอดมาก สามีถึงกับอุทานไม่หยุดปากว่าแจ๋วจริงๆๆๆ ตัวโรงแรมตั้งอยู่ริมตลิ่งบนน้ำเลย วิวทานอาหารเช้าและบาร์เลิศมาก มองออกไปในทะเลสาบเห็นวิวเติมๆ และโรงแรมยังตั้งอยู่ติดกับท่าจอดเรือขนาดจิ๋วที่เป็นอ่าวเว้าเข้ามาของหมู่บ้าน ฝั่งตรงข้ามของท่าเรือเป็นโบสถ์ประจำเมืองและร้านอาหารในอาคารเก่า เวลาอยู่ในโรงแรมแล้วมองออกไปจึงเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเมืองหมู่บ้านชาวประมงจิ๋วในนิทาน น่ารักจริงๆ

เราเลยถือโอกาสเดินซอกซอนสำรวจหมู่บ้านซึ่งคิดว่าคงจะมีบ้านไม่กี่หลัง ถนนเป็นถนนคนเดินไต่ไปตามเขาเสียเป็นส่วนมาก ต้องจอดรถเอาไว้ที่ลานจอดด้านนอกแล้วเดินเข้ามา ปรากฏว่าซอกซอนลัดเลาะไป มีบ้านอิงเขาเกาะกันไปมาอยู่เยอะทีเดียว เงียบไม่มีคนเลย แลดูเป็นหมู่บ้านที่สงบสวยงามน่ารักมากๆ และเดินไปเดี๋ยวก็มีทางเดินเป็นอุโมงค์มุดใต้ตึกออกไปตรงริมน้ำซึ่งทำเป็นบันไดลาดลงน้ำเหมือนท่าน้ำให้คนลงไปว่ายน้ำเล่นได้ น่ารักมากๆเลย ฉันเดินไต่บันไดแอบดูบ้านโน้นบ้านนี้ก็วี้ดวิ้วไปด้วยความตื่นเต้น (เป็นคนสอดรู้สอดเห็น) พอเห็นหมู่บ้านหรือเมืองซึ่งไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนและไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแล้วค้นพบว่ามันน่ารักประมาณนี้จึงดีใจจนเนื้อเต้น อดไม่ไหวต้องแอบเอามาเล่าให้แฟนเหนือฟ้าฟัง

แต่แหมไม่อยากให้ตามไปกันเยอะเลย เดี๋ยวคนอื่นรู้จะเสียบรรยากาศหมดกัน

ก่อนจากลาทะเลสาบโคโม่ออกมาเรายังพอมีเวลาเหลืออยู่ครึ่งวัน เมืองไหนๆก็ได้ไปกันมาหมดแล้ว และวันนี้คลื่นลมในทะเลสาบแรงมาก เรือที่ข้ามไปมางดทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด เราจึงวางแผนไปเที่ยวชมเมืองอื่นรอบทะเลสาบที่สามารถขับรถไปได้ จึงเป็นอันว่าได้ไปชมเมือง Lecco ซึ่งตั้งอยู่ตรงสุดปลายของขาตัววายขาหนึ่งของทะเลสาบโคโม

พอไปถึงและได้ชมเมืองแล้วก็ผิดหวังนิดหน่อย เพราะตัวเมืองเล็กและสถาปัตยกรรมไม่ได้สวยเด่นชวนปลาบปลื้มอะไรมาก แถมวันที่ไปก็เป็นวันอาทิตย์ซึ่งอากาศอึมครึม ในตัวเมืองจึงดูเงียบเหงาไปหน่อยทั้งที่ร้านค้าและร้านอาหารหลายร้านก็เปิด แต่ไม่ค่อยมีคนเลย จนตอนบ่ายแดดออกฟ้าเปิดนั่นแหละจึงมีคนออกมาเดินเล่นโดยเฉพาะแถวริมทะเลสาบกันบ้าง แต่สำหรับที่ตั้งและวิวของเมืองนี้นับว่าไม่เป็นรองใครทีเดียว เพราะมีทั้งทะเลสาบ Como และแม่น้ำ Adda ซึ่งก็ต่อออกมาจากทะเลสาบนั่นเอง มีภูเขาล้อมรอบอย่างใกล้ชิด เห็นทั้งยอดสีเขียวชะอุ่มของฤดูใบไม้ผลิและยอดที่ยังมีหิมะสีขาวปกคลุมอยู่ เรียกว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของภูเขา โดยมีความเด่นตรงที่มีทะเลสาบใหญ่อยู่กลางเมืองด้วยนั่นเอง

เราได้เข้าไปชมโบสถ์สำคัญประจำเมืองคือ Minor Basilica of San Nicolò และเดินเล่นในเมืองเก่าชมตึกรามสีสันสดใส แล้วก็เดินทอดน่องสบายๆริมทะเลสาบซึ่งมีทางเดินให้เดินอย่างสบายเลียบไปยาวทีเดียว พอตกเย็นแดดเริ่มออกแล้วก็พอจะเห็นแววว่าถ้าในช่วงกลางฤดูร้อนที่ดอกไม้ใบไม้สดใสและแดดจ้าฟ้ากระจ่าง เมืองนี้ก็คงจะเป็นเมืองที่น่ารักสบายๆอีกเมืองหนึ่งทีเดียว แม้จะไม่ชวนตื่นเต้นน่าหลงใหลอย่าง Bellagio หรือ Varenna

เป็นอีกสุดสัปดาห์หนึ่งที่ได้ไปซอกแซกแอบดูหมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบ Como ที่นอกเส้นทางนักท่องเที่ยวแบบเหนือฟ้า

NO COMMENTS