คนรู้จักหลายคนบอกมาว่า Finnair ใช้ได้ทีเดียว ข้าวของเครื่องใช้บนเครื่องเป็นของยี่ห้อ Marimekko ทั้งหมด ฟังดูก็น่าตื่นเต้นแล้ว และยังเก็บสะสมไมล์กับ One World ได้ด้วย แต่ฉันก็ไม่เคยบินสักที จนประจวบเหมาะ ได้ตั๋วกลับเมืองไทยราคาดีของ Finnair จากซูริก แม้ต้องเปลี่ยนเครื่องสองครั้งที่ออสโลและเฮลซิงกิ ปกติฉันจะไม่บินตรงออกจากซูริก แต่จะเลือกบินออกจากเมืองอื่นในยุโรปถึงแม้จะต้องเปลี่ยนเครื่องหลายครั้งมากขึ้นก็ตาม เหตุผลง่ายๆเลยคืองก! เพราะการบินออกจากสวิตเซอร์แลนด์นั้นตั๋วแพงมาก วันนี้จึงขอรีวิวสายการบิน Finnair เสียหน่อยว่าเป็นดังที่ได้ยินมาหรือเปล่า

โจทย์ของรีวิวคือชั้นธุรกิจ Short haul ในยุโรประหว่างออสโลไปเฮลซิงกิและ Long haul เฮลซิงกิกรุงเทพ ขอรีวิวไล่ไปตามหัวข้อกันเลย

Lounge

ที่ออสโลเป็นเลาจน์เล็ก แต่แต่งสวยมากเป็นแนวสแกนดิเนเวียทันสมัย อาหารมีไม่มากแต่ก็คุณภาพดี มีไวน์และแชมเปญใส่ไว้เต็มตู้เย็นและเบียร์จาก tabให้กดเอาเอง ส่วนเลาจน์ที่ เฮลซิงกิฮับของสายการบินนั้น ขาไปฉันเลี้ยวเข้าไปฝั่งขวา ปรากฎว่ารู้สึกผิดหวังมากเพราะเล็กจิ๋วเดียวและมีอาหารไม่มาก คนนั่งกันแน่น รู้สึกแปลกใจว่าทำไมดูไม่อลังการสมกับเลาจน์ของฮับเลย แต่พอไปใช้ห้องอาบน้ำนี่สิประทับใจเลย หน้าประตูห้องควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เราไปกดจองห้องใช้ได้เองเลย พอเปิดเข้าไปก็กว้างขวางสะอาดสะอ้านและใหม่มาก สบู่แชมพูเป็นของยี่ห้อ L:A Bruket

แต่พอขากลับลองเลี้ยวซ้ายดู ปรากฏฝั่งนี้ใหญ่โตโก้อลังการ เลยเพิ่งรู้ตัวว่าเลี้ยวผิดฝั่ง มีบาร์ค็อกเทลอย่างเก๋ ที่นั่งก็มีหลายแบบให้เลือกและนั่งสบายมาก ส่วนบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านั้นดีมากๆๆๆๆๆ หลากหลายและดูคุณภาพดี แถมมีเชฟยืนปรุงอาหารสดๆให้หน้าบาร์ด้วย อันนี้ได้คะแนนเต็ม

เก้าอี้

เก้าอี้เขาจัดเรียงแปลกไปกว่าสายการบินอื่น คือทางฝั่งซ้ายชิดหน้าต่างนั้นมีทั้งแถวที่เป็นเก้าอี้คู่สองตัวและแถวที่มีเก้าอี้หนึ่งตัว แถวที่เป็นเก้าอี้ตัวเดียวนี้ก็เลยจะเป็นตัวที่กว้างขวางกว่าปกติเพราะมีที่วางของทั้งฝั่งซ้ายและขวา เขาเก็บเอาไว้ให้ frequent flyer ระดับสูง เก้าอี้ตรงกลางก็เป็นตัวคู่ตามปกติ ส่วนทางฝั่งขวาริมหน้าต่างเป็นเก้าอี้ตัวเดียวทั้งหมดแต่ก็มีความแตกต่างในแต่ละแถว ฉันชอบแถวที่เป็นเลขคู่มากกว่าเพราะตัวเก้าอี้อยู่ชิดหน้าต่างและที่วางของกับที่เท้าแขนอยู่ฝั่งซ้ายจึงรู้สึกเป็นส่วนตัวกว่า ถ้าเป็นแถวเลขคี่ที่เก็บของจะอยู่ติดหน้าต่างและตัวเก้าอี้อยู่ติดทางเดิน ส่วนความสบายของเก้าอี้นั้นยังไม่แจ๋วเท่าไหร่ ฉันว่าเก้าอี้เล็กไปนิดและไม่ได้นอนราบ 180 องศา รู้สึกจะเพียง 170 องศาเท่านั้น

Amenities

ของแจกที่คาดหวังว่าจะตื่นเต้นกับของ Marimekko ทั้งหมดปรากฏว่าเป็นถุงผ้าบางๆเล็กๆมาให้ถุงเดียว น่าผิดหวังมากๆ เปิดมาข้างในมีผ้าปิดตานอน ที่อุดหู แปรงสีฟันยาสีฟัน และลิปมันกับโลชั่นของ L:A Bruket ชิ้นจิ๋วๆ แลดูน้อยมากๆ แต่สามารถขอถุงเท้าและอุปกรณ์โกนหนวดเพิ่มได้ ขาไปฉันไม่รู้จึงไม่ได้ขอถุงเท้า แต่ที่ดีคือเขาวางสลิปเปอร์ผ้าสักหลาดใส่สบายเอาไว้ให้ตรงช่องที่เก็บรองเท้าด้วย

อาหาร

อาหารมื้อค่ำนับว่าใช้ได้ทีเดียวทั้งไฟลท์สั้นและไฟลท์ยาว อร่อยและเน้นเครื่องปรุงแบบนอร์ดิก ไฟลท์สั้นได้ทานมีทบอลล์แบบสวีเดน ไฟลท์ยาวมีปลาและอาหารทะเลแกล้มผัก ปรุงแบบสมัยใหม่ซึ่งเป็นอาหารประเภทที่ฉันชอบมากอยู่แล้ว แต่ที่งงคือเชฟที่คิดสูตรอาหารทำไมเป็นเชฟดังของสวีเดน แทนที่จะเป็นฟินแลนด์ ส่วนไวน์และเครื่องดื่มก็ดีทีเดียว มีค็อกเทลให้ชิมเล่นหลายอย่างรวมทั้งน้ำบลูเบอรี่ซึ่งนับเป็นSignature drink ของฟินแลนด์ บรรดาค็อกเทลก็เอาน้ำบลูเบอรี่มาเล่นนี่แหละ ส่วนอาหารเช้านี้เฉยๆ มีให้เลือกไม่เยอะมาก โดยรวมอาหารนั้นอร่อย คุณภาพดี แต่ไม่ได้มีเมนูให้เลือกเยอะมาก และไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ดังนั้นถ้าชินกับสายการบินแขกซึ่งปรนเปรอทั้งคุณภาพปริมาณและของว่างระหว่างมื้อ ก็ต้องบอกว่าของฟินแอร์ด้อยไปเลย

ภาชนะที่ใช้ อาหารเสิร์ฟมาในถ้วยจานชามที่ออกแบบโดย Marimekko และ iittala ของ iittala สวยมาก แลหรูดูแพงแต่ Marimekko นั้นธรรมดามาก ผิดหวัง

บริการ

ก็ปกติธรรมดาไม่ดีไม่แย่ ส่วนมากก็จะเป็นป้าๆคนสแกนตัวใหญ่ๆ ไม่ค่อยมีหนุ่มๆไม่รู้ทำไม ก็จะบริการแบบเรียบร้อยเคร่งครัดนิดหนึ่งแต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดีกันทุกคน

สรุปโดยรวม

ไม่มีอะไรจะบ่นแต่ก็ไม่มีอะไรให้ร้องว้าว และดูเหมือนจะงกไปนิดหนึ่ง ของแจกของแถมก็ไม่เยอะ อาหารก็มีให้เลือกไม่มาก ส่วนดีไซน์ที่นึกว่าจะเต็มไปด้วย Marimekko ก็มีเพียงนิดหน่อยไม่ได้ตื่นเต้นหวือหวาอะไร ฉันว่าเมื่อต้นปีบิน Airitaly น้องใหม่ไซด์เล็กกว่ายังอู้ฟู่กว่านี้เลยเพราะรับระบบของ Qatar มาเต็มๆ

โดยสรุปคือถ้าราคานี้แล้วมีทางเลือกเป็นสายแขก ฉันก็ยังคงบินสายแขกแน่นอน

NO COMMENTS