สวิตเซอร์แลนด์นั้นขึ้นชื่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นช็อคโกแล็ต นาฬิกา วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความเป็นประชาธิปไตย ความซื่อสัตย์ ความเป็นระเบียบ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ หากแต่มันคือวิถีสวิสอย่างมาก ก็คือ Swiss Wellness หรือการดูแลสุขภาพและผ่อนคลายด้วยวารีบำบัด และ Medical Spa หรือสปาการแพทย์ทางเลือก และหนึ่งในโรงแรมที่ขึ้นชื่อในเรื่องนี้ก็คือ Grand Resort Bad Ragaz ที่เมือง Bad Ragaz นั่นเอง

คนสวิสนี้เชื่อในพลังธรรมชาติ และถือเรื่องการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตทีเดียว ดังนั้นสวิตฯจึงมีเทคโนโลยีการแพทย์และยาอันเป็นเลิศ มีเครื่องสำอางคุณภาพดี และมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการชะลอวัย ที่ก้าวหน้ามาก คนไทยอาจจะรู้จักมุมนี้ของสวิตฯผ่านทางผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและแบรนด์ต่างๆมากกว่า แต่คนสวิสจริงๆแล้วเขาไม่ได้ใช้เครื่องสำอางอะไรกันมากขนาดนั้น หากเขาชอบที่จะไปเวลล์เนส หรือสถานวารีบำบัดทำนองสปามากกว่า สวิตฯจึงมีโรงแรมหรือสถานที่ๆมีธาราบำบัดดีๆมากมาย บางแห่งอาจจะมีน้ำแร่น้ำพุร้อนในบริเวณที่ตั้งก็สามารถดึงน้ำนั้นเข้ามาใช้ หรือบางที่อาจจะไม่มี แต่ก็สร้างบ่อธาราบำบัดขึ้นมาได้อย่างครบถ้วน และโรงแรม Grand Resort Bad Ragaz นี้ก็เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงแรมที่มีธาราบำบัดจากธารน้ำร้อนธรรมชาติดีที่สุดในโลก และดีที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ทีเดียว

ที่นี่มีโปรแกรมบำบัดรักษาโรคและดูแลสุขภาพแบบมีแพทย์ให้คำปรึกษาและควบคุมดูแลกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เขาโด่งดัง โดยจะออกแบบโปรแกรมที่จะรักษาโรคหรืออาการบางอย่าง หรือฟื้นฟูสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นเฉพาะความต้องการของแต่ละบุคคล

ฉันมาพักโรงแรมแล้วใช้สถานที่ของเขาเท่านั้นโดยไม่ได้เข้าโปรแกรมให้แพทย์ดูแล แต่ใช้บ่อน้ำร้อนน้ำเย็นครบทุกรูปแบบมากมายทีเดียว โดยอ่านป้ายแล้วทำตามโปรแกรมที่เขาออกแบบเอาไว้ ในเวลล์เนสนี้มีทั้งส่วนเฉพาะสำหรับแขกที่มาพักในโรงแรมเท่านั้น กับส่วนที่เปิดให้คนนอกซื้อตั๋วมาเข้าใช้บริการได้เป็นรายวันด้วย แต่ช่วงสถานการณ์โควิดเปิดให้บริการเฉพาะแขกในโรงแรมเท่านั้น จึงทำให้สบายพวกเราไปเพราะกลายเป็นว่าได้ใช้บริการอย่างเต็มที่โดยไม่มีคนมาแย่ง บริเวณที่สวยมากๆก็คือ Tamina Therme เป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งใหญ่มาก มีหัวเจ็ตพ่นน้ำให้นอนนวดบำบัดหลายจุด แต่ที่สนุกที่สุดก็คือตรงคลองที่เขาปล่อยกระแสน้ำไหลวนอย่างแรงให้เราสามารถลอยตัวให้กระแสน้ำพัดเราลอยไปได้ สนุกจริงๆ ส่วนตรงกลางมีก้อนหินใหญ่เหมือนเป็นจุดดึงดูดสายตาอยู่ ข้างในก็จะเป็นซอกถ้ำเล็กๆมีน้ำพุน้ำวนให้เราเข้าไปเล่นได้ อากาศข้างนอกหนาวแต่น้ำในบ่อร้อนจนควันขึ้นขาวคลุมเป็นหมอกเหนือบ่อ สวยงามและสบายมากๆ ส่วนด้านในก็มีบ่อน้ำร้อนน้ำเย็นหลายอุณหภูมิให้สลับกันวนใช้ไปตามโปรแกรม มีน้ำตื้นน้ำลึก มีน้ำแบบมีไฟสีๆส่องสลับอยู่ในบ่อเป็น Color therapy สารพัดชนิด ด้านนอกมีห้องซาวน่าในกระต๊อบไม้ใหญ่มาก เหมือนนั่งในบ้านเปลือกไม้ของสวิตฯอุ่นๆหอมสมุนไพรแล้วมองออกหน้าต่างชมวิวภูเขาไปด้วย แค่ส่วนนี้ก็ใช้เวลาอยู่ได้หลายๆชั่วโมงแล้ว เสียดายที่ส่วนที่เป็นซาวน่าห้องอบไอน้ำที่มีหลายห้องและใหญ่จนต้องเรียกว่าหมู่บ้านกันที่เดียวนั้น ปิดให้บริการในช่วงโควิดไม่เช่นนั้นคงอยู่ได้อีกหลายชั่วโมง

แต่ยังไม่หมด มีธาราบำบัดอีกส่วนหนึ่งที่ให้ใช้ได้เฉพาะแขกโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้มีบ่อน้ำอินดอร์สวยมากสไตล์โรมันนิดๆ รอบๆมีหัวเจ็ตน้ำพ่นนวดนานาสารพัด คล้ายบ่อน้ำดังๆที่บูดาเปสต์เลย เขาห้ามเด็กลงแต่ก็มีอีกหลายบ่อที่เป็นส่วนของเด็กและครอบครัว และมีสระแบบที่ใช้ว่ายออกกำลังไปกลับอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

ส่วนที่ฉันชอบที่สุดคือส่วนที่ต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมด เพราะข้างในมีห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำหลายอุณหภูมิหลายแบบ เราก็ทำตามโปรแกรมที่เขาออกแบบไว้ ร้อนบ้างแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำเย็นเจี๊ยบบ้าง สลับกันตามเวลาที่เขาแนะนำ เสร็จโปรแกรมแล้วก็มีห้องพักผ่อนให้นอนพักฟังดนตรีสบายใจ

แต่ที่สุดของที่สุดของฉันเลยก็คือ ในส่วนที่เขาทำเลียนแบบโตรกผาหินตามธรรมชาติในสวิตฯ คือมันเป็นบ่อที่ทำเหมือนเป็นคลองน้ำในซอกหินผา กรุผนังด้วยหินก้อนโตๆสูงทั้งผนังและเพดาน ในน้ำนั้นเป็น Kneipp therapy คือเราต้องเดินลุยลงไปในคลองน้ำให้ก้อนหินที่พื้นน้ำนวดเท้า มีบ่อที่เป็นน้ำเย็นเจี๊ยบ เดินลงไปแล้วสั่นสะท้านเหมือนกับนิ้วเท้าจะหลุดออกจากเท้า เดินเสร็จแล้วก็ให้ข้ามไปอีกบ่อหนึ่งซึ่งเป็นบ่อน้ำอุ่น ทีนี้ล่ะ อุณหภูมิที่ต่างกันอย่างมากนี้จะทำให้มีความรู้สึกซ่าๆจั๊กกะจี๊ฝ่าเท้าไล่ขึ้นมาจนถึงต้นขาของเราเลย แปลกดีทีเดียว นี่แหละคือผลของธาราบำบัดอย่างหนึ่ง

ฉันไปพักสามวันได้ใช้เวลล์เนสวนไปจนคุ้ม และในโรงแรมยังมีร้านอาหารที่ได้ดาวมิชลินถึง 2 ร้าน เรียกว่าพักผ่อนฟื้นฟูและได้กินของอร่อยด้วย ตัวโรงแรมเองตั้งอยู่ติดเมืองเก่า Bad Ragaz เลย แค่เดินทะลุสวนสาธารณะไปชมวิวสวยไปไม่กี่นาทีก็ถึงใจกลางเมือง ตัวเมืองก็เล็กจิ๋วเดียวเหมือนเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมากกว่า มีพลเมืองแค่ 6000 กว่าคน สถาปัตยกรรมก็ตามแบบสวิสเยอรมันทั่วไป เดินเล่นวนแป๊บเดี๋ยวก็ทั่ว ในเมืองไม่มีอะไรมาก มีโบสถ์ใหญ่ประจำเมือง ซึ่งฉันได้เข้าไปเยี่ยมชมสุสานอย่างเช่นเคย และในสุสานนี้ก็เห็นหลุมฝังศพที่เด่นเป็นสง่าและดูว่าสำคัญมาก นั่นก็คือหลุมฝังศพของคุณ Bernhard Simon ชาวรัสเซียซึ่งเป็นผู้มาซื้ออาคารแล้วตกแต่งเป็นโรงแรม Grand Bad Ragaz เพื่อใช้เป็นโรงแรมแห่งวารีบำบัดอย่างใหญ่โตโก้หรู ทำให้เมืองมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องเวลล์เนส เขามีความสำคัญกับเมืองนี้มาก วันที่เขาเสียชีวิตนั้นคนทั้งเมืองเดินแห่ขบวนศพไปตามเมืองกันเลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่เขาจะมีสุสานที่ใหญ่โตสำคัญที่สุดในโบสถ์ของเมืองนี้

ในตัวเมืองก็มีร้านค้า ธนาคาร ถนนคนเดิน เบเกอรี่ ร้านอาหารเหมือนเมืองอื่นๆทั่วไปในสวิตฯ โรงแรมที่ขนาดเล็กลงมาหน่อยก็มีอยู่หลายแห่งในตัวเมืองเลย แต่สังเกตว่าเมืองนี้คงจะชอบศิลปะกันมากทีเดียว เพราะเห็นมีรูปปั้นงานศิลปะตกแต่งกระจายอยู่ในเมืองพอสมควร แม้กระทั่งม้านั่งบนฟุตบาทก็ยังออกแบบเป็นรูปปั้นคนสองคนถือแผ่นไม้ที่นั่งเอาไว้ และยังมีพวกงานศิลปะทั้งหลายในสวนสาธารณะอยู่เป็นระยะๆ แต่ฉันว่าที่สวยที่สุดก็คือภูเขาที่โอบล้อมเมืองอยู่นี่แหละ เหมือนเป็นฉากหลังที่ทำให้เมืองนี้เหมือนอยู่ในสวรรค์ทีเดียว

Bad Ragaz เป็นอีกเมืองที่อยากแนะนำให้ไปเที่ยวชมกัน ถ้าจะไปเวลล์เนสดูแลสุขภาพวารีบำบัดพักผ่อนให้สบายใจ นี่ก็คือหนึ่งในที่ๆดีที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แล้ว หน้าหนาวหากใครจะไปสกีในย่านนั้นก็มาพักที่เมืองนี้ก็ได้ และยังไปเที่ยวเมืองรอบๆซึ่งมีบ่อน้ำพุร้อนเช่นกันเช่น Pfäfers และควรขับรถข้ามสะพาน Taminabrücke อันเป็นสะพานที่มีส่วนโค้งรับข้างล่างที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ทีเดียว สวยงามมาก ส่วนหน้าร้อนแนะนำให้ไปเดินชมป่าขึ้นไปเที่ยว Tamina Gorge โตรกผาที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ทดมาใช้วารีบำบัดนั่นเอง ขอเก็บไว้เล่าให้ฟังต่างหากอีกเรื่องนะคะ

NO COMMENTS