สวิตเซอร์แลนด์มีพลเมืองประมาณ 9 ล้านคน เป็นประเทศที่เป็นกลางไม่รบกับใคร ศึกครั้งสุดท้ายเกิดเมื่อ 150 ปีที่แล้วตั้งแต่สมัยนโปเลียน จากนั้นก็ไม่เคยจะต้องรบป้องกันประเทศอะไรอีกเลย แต่เชื่อไหมว่า สวิตฯทั้งประเทศมีหลุมหลบภัยอยู่ถึง 300,000 กว่าหลุม เพียงพอที่จะให้พลเมืองทั้งประเทศเข้าไปหลบอยู่ทีเดียว จึงนับว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนของหลุมหลบภัยต่อประชากรสูงที่สุดในโลก!

บังเกอร์หลุมหลบภัยเหล่านี้มีทั้งของส่วนตัว สาธารณะ และของทหาร ใครที่เคยมาสวิตฯแล้วไปกินข้าวตามร้านอาหาร เวลาเดินลงไปเข้าห้องน้ำที่ใต้ดินอาจจะเคยเห็นมาบ้างว่าประตูห้องเก็บของของร้านอาหารใต้ดินนั้นเหมือนเป็นประตูตู้เซฟขนาดใหญ่ มีความหนาเป็นฟุต ทำด้วยเหล็กทั้งดุ้น ดูขึงขังมาก นั่นก็เพราะกฎหมายในราวช่วงปี 1960 ถึง 1980 กำหนดว่าอาคารทุกหลังที่สร้างช่วงนั้นจะต้องมีหลุมหลบภัยอยู่ใต้ดินเอาไว้ให้เพียงพอกับคนที่จะอยู่อาศัยในตึก อพาร์ทเม้นท์หลายตึกในปัจจุบันจึงยังมีห้องหลบภัยลักษณะนั้นอยู่ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นที่เก็บของ หรือห้องซักผ้ารวม คนที่นี่ก็จะชินกันกับลักษณะของประตูและห้องแบบนี้ที่ใต้ดิน  สาเหตุที่เขาต้องสร้างห้องหลบภัยแบบนี้เอาไว้ก็เพื่อเอาไว้หลบศัตรูเผื่อถูกโจมตีจากประเทศอื่น และยังเป็นห้องที่ใช้หลบกัมมันตภาพรังสีที่อาจจะเกิดรั่วไหล หรือใช้หลบภัยจากสงครามนิวเคลียร์ได้อีกด้วย ถ้าอาคารไหนไม่มีบังเกอร์แบบนี้อยู่ในตึก คนก็สามารถไปใช้บังเกอร์สาธารณะซึ่งมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศได้  บ้านของฉันหลังปัจจุบันก็ไม่มี ในช่วงที่เรากังวลเรื่องสงครามนิวเคลียร์เราได้ติดต่อถามไปที่อำเภอว่า จะต้องไปหลบที่ไหนหากจำเป็น ซึ่งก็ได้คำตอบว่าแล้วจะแจ้งมาเมื่อถึงเวลา ไม่ต้องกังวล แต่เพื่อนบ้านของเราซึ่งอาศัยในหมู่บ้านนี้กันมาหลาย 10 ปี ทุกคนเขารู้กันหมดเลยว่าแต่ละคนจะต้องไปที่บังเกอร์ไหนหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจริง คือทุกคนจะต้องมีบังเกอร์ของตัวเองที่รัฐกำหนดมา ไม่สามารถจะเลือกไปที่ไหนๆได้ตามใจ และมีข้อกำหนดว่า บ้านทุกหลังจะต้องมีหลุมหลบภัยที่เดินไปถึงได้ในเวลาครึ่งชั่วโมง หากเป็นบ้านบนภูเขาสูงๆไกลก็ต้องภายในหนึ่งชั่วโมงมากสุด เรียกว่าถ้าประกาศฉุกเฉินขึ้นมา ภายในชั่วโมงเดียวสวิตฯทั้งประเทศจะไม่มีคนเหลืออยู่บนพื้นดินเลยแม้แต่คนเดียว!

ส่วนกองทัพสวิสก็มีบังเกอร์ของทหารเป็นจำนวนถึง 20,000 กว่าแห่งทีเดียวกระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ในหมู่บ้านก็มี บนเนินเขาที่มีน้องวัวเล็มหญ้าอยู่ก็มี หรือแม้กระทั่งบนยอดเขาสูงลิบลิ่วที่มีแต่หิมะปกคลุมก็ยังมีเลย หลายแห่งพรางตัวซ่อนทางเข้าชนิดที่ดูไม่รู้เลยว่ามีทางเข้าไปในบังเกอร์ที่ขุดภูเขาทะลุเป็นรูพรุนใหญ่มากอยู่ข้างใน แต่บางแห่งก็เห็นทางเข้าได้อย่างชัดเจน

วันก่อนฉันได้คุยกับรุ่นพี่คนไทยที่มีสัญชาติสวิสและเคยต้องเข้าไปรับการฝึกทหาร และได้เข้าเยี่ยมชมบังเกอร์ของทหารนี้เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ตอนนั้นบังเกอร์เหล่านี้พร้อมที่จะให้คนเข้าไปหลบอยู่หากจำเป็น พี่เขาเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ทางเข้าก็จะมีน้ำฉีดชำระล้างร่างกายหรือกัมมันตภาพพี่ติดมาก่อนเลย ข้างในมีห้องมากมายครบทุกสิ่งอันแม้แต่ห้องเรียนของเด็กๆ มีห้องนอนที่มีเตียงนอนซ้อนๆกันสูงขึ้นไปหลายชั้นโดยใช้ไฮโดรลิคยกเตียงขึ้นไป มีห้องเย็นใหญ่มากเหมือนตู้เย็นยักษ์ใช้เก็บอาหารอยู่มากมายเพียงพอที่จะให้คนใช้ชีวิตอยู่ได้ถึงสามปีทีเดียว!! ยังไม่พอค่ะ มีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆเช่นค้อน เลื่อย ตะปู เตรียมเอาไว้ เรียกว่าถ้าผ่านไปสามปีแล้วกลับออกมาข้างนอก ต่อให้นอกบังเกอร์เรียบเป็นหน้ากลองไม่เหลืออะไร คนที่รอดก็ยังมีเครื่องมือทุกอย่างครบพร้อมที่จะสร้างบ้านเรือนขึ้นมาใหม่ทันที!

ตอนหลังรัฐบาลสวิสได้ปิดบังเกอร์พวกนี้ไปเยอะ และนำมาดัดแปลงเป็นโรงแรมบ้างหรือจัดทัวร์ให้ชมบ้าง เพราะค่าบำรุงรักษาสูงมากและโอกาสที่จะได้ใช้งานก็น้อย ตอนนั้นเขาคิดว่าคงไม่มีใครจะทำสงครามกันอีกแล้ว ปัจจุบันนี้สวิตเซอร์แลนด์มีบังเกอร์เหล่านี้ไม่มากพอถึงกับจะรับพลเมืองได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์บวกกับบัฟเฟอร์อีก 10% อย่างแต่ก่อนแล้ว แต่กระนั้นก็ตาม หากรวมทั้งบังเกอร์ส่วนบุคคล สาธารณะ และของทหารแล้ว ก็ยังมีเพียงพอให้กับประชากรถึง 95%

ถามว่าเหตุใดคนสวิสจึงเว่อร์เช่นนี้ ฉันว่าคนสวิสไม่ชอบความไม่แน่นอน และไม่ชอบความเสี่ยงด้วย อีกทั้งยังเป็นคนที่รอบคอบคิดเยอะ ชอบความสมบูรณ์แบบ และในเมื่อเขามีเงิน เขาจึงสร้างบังเกอร์หลุมหลบภัยเหล่านี้เอาไว้เสียอย่างดีเลิศเพื่อความอุ่นใจนั่นเอง ปัจจุบันมีบังเกอร์บางแห่งจัดเป็นทัวร์ให้ซื้อตั๋วเข้าไปเที่ยวชมได้ เช่นที่เมืองมองเทรอ หรือ ลูเซิร์นที่ใหญ่มากและสร้างคร่อมอยู่บนถนนไฮเวย์ทีเดียว คงต้องจัดสักครั้งเสียแล้ว

Photo credit: Timeout, The Local, Swissinfo.ch

NO COMMENTS