Friday, May 2, 2025
เรื่องยาวอ่านสนุก

เรื่องยาวอ่านสนุก

เรื่องท่องเที่ยวขนาดยาว ข้อมูลละเอียด ใช้เป็นคู่มือเที่ยวได้

ในบรรดาประเทศยุโรปตะวันออกทั้งหมด โรมาเนียเป็นประเทศที่ฉันชอบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวต่างๆ ทั้งทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ และที่เด็ดที่สุดคือบรรดาโบสถ์โบราณที่มีมากมาย และล้วนแต่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก UNESCO

กลิ่นซิการ์มวนโตที่กรุ่นอวลอยู่ในไออากาศทุกตรอกซอกถนน  โมฮิโต้ ไดคิริ และคิวบันลิเบร้ที่หวานลิ้นด้วยรัมบนเคาน์เตอร์ในบาร์ทุกหัวมุมตึก จังหวะซาลซ่าที่ชวนให้ขยับแข้งขาตามก้องกังวานอยู่ทุกก้าวทุกเวลาที่ย่างผ่านไป  รถอเมริกันคันโตยุคปี 50’s แล่นผ่านตึกโคโลเนียลสีหวานที่กะเทาะกร่อนในเขตเมืองเก่า Habana Vieja  เหมือนฉากคลาสสิกของอดีตที่ถูกจัดแต่งขึ้นในโรงถ่ายภาพยนต์  หากแต่นี่คือบรรยากาศและลมหายใจในความจริงของคิวบาปี 2010  ที่หยุดเวลาไว้ในเช่นนี้มาตลอดเวลา 50 ปีไม่ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนไปเช่นไร  ประหนึ่งดังว่า  ฮาวาน่าถูกแช่แข็งเก็บไว้ในห้วงของกาลเวลา

พระเยซูประสูติที่เมือง Bethlehem ใน Palestine เราก็ต้องมาชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จากเยรูซาเล็มขับรถมาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี แม้จะต้องข้ามพรมแดนจากอิสราเอลเข้าปาเลสไตน์ก็ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า สถานที่ณ.ตรงจุดที่ประสูติของพระเยซูนั้นปัจจุบันคือโบสถ์ The Church of Nativity ประตูเข้าโบสถ์เป็นช่องเล็กๆในกำแพง ต้องก้มมุดเข้าไป แปลกดี ข้างในกลับกว้างใหญ่มาก ไม่ได้สวยงามชวนตะลึงแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมุ่งหน้าเดินตามกันเข้าไปด้านในสุด เข้าคิวกันเพื่อมุดลงไปในช่องที่นำสู่ห้องใต้ดิน ด้านล่างนั้นคือจุดที่พระเยซูประสูตินั่นเอง

Glorenza หรือ Glurns ในภาษาเยอรมันเป็นเมืองเล็กๆหรืออันที่จริงน่าจะเป็นเพียงแค่ตำบลมากกว่า เพราะมีขนาดจิ๋วเพียงแค่ 13 ตารางกิโลเมตรและมีพลเมืองอยู่ไม่ถึง 900 คนเท่านั้นเอง ตั้งอยู่ในจังหวัด South Tyrol ของเขต Trentino-Alto Adige ประเทศอิตาลี และอยู่ติดกับชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ เรียกว่าไกลปืนเที่ยงมากๆและไม่น่าจะมีคนเคยได้ยินชื่อเมืองนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าใครได้แวะไปแล้วจะตกใจในความน่ารักทีเดียว

Taxila หรือที่คนไทยชอบออกเสียงว่าเมืองตักศิลานี้ เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 1000 ปีทีเดียว ชื่อเสียงที่คนส่วนมากรู้จักก็น่าจะในฐานะที่เป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อเล็กซานเดอร์มหาราชก็เคยมายึดอำนาจที่เมืองนี้

ปี 1988 ระหว่างปิดเทอมมหาวิทยาลัยปีหนึ่งขึ้นปีสอง ฉันได้ไปเรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนที่เมืองออกซ์ฟอร์ดประเทศอังกฤษ ช่วงวัยรุ่นฉันฟังเพลงฝรั่งเยอะมากและติดตามเอาจริงเอาจัง ยุค 80s คือยุคที่เพลงป็อปเบ่งบานและสวยงามอย่างไม่มียุคใดเหมือน โดยเฉพาะป๊อปฝั่งอังกฤษนั้นเฟื่องฟูเสนาะหูอย่างที่สุด การที่ได้ไปอยู่อังกฤษในช่วงกลางศตวรรษ 80s นั้นจึงเป็นความสุขและเป็นโชคดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของฉัน ที่ได้ซึมซับดนตรีคุณภาพและเป็นพื้นฐานที่ติดตัวมาตลอด และโชคสองชั้นที่ได้มาในฤดูร้อนปี 1988 นั้นก็คือการได้ไปชมคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลกที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้จนทุกวันนี้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เช้าตรู่เมื่อหมอกยังไม่จางดี  ที่ร้านกาแฟสดในปั๊มน้ำมันบนทางหลวงหมายเลขหนึ่ง  เลยตัวเมืองกำแพงเพชรมาไม่ไกล  ลุงชงกาแฟไปพลางเมียงมองมายังรถโฟร์วีลไดรฟว์ของเราที่บรรทุกข้าวของเครื่องใช้และเสบียงเพียบ  แล้วถามด้วยเสียงเปี่ยมความสงสัยว่า “จะไปเที่ยวไหน  ของเต็มรถขนาดนี้” คนขับมือหนึ่งของฉันตอบลงเสียงหนักแน่นหากอมยิ้มว่า “บอกไปก็ไม่เชื่อ” ลุงอึ้งไปนิดหนึ่งด้วยคำตอบที่คาดไม่ถึง  และคงประมาณไม่ถูกด้วยว่า  คำตอบนั้นเป็นมุกหรือเปล่า  แต่ความอยากรู้คงมีมากกว่า  ลุงจึงแหย่หาคำตอบต่อ “เชื่อ...บอกมาเถ้อะ....” “จะขับรถไป...ทิเบต....”

ชีวิตนี้เคยไปเที่ยวเวนิซทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ครั้งที่สอง 5 ปีที่แล้วและสุดท้ายก็คือเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ครั้งแรกก็ไปชมจุดสำคัญที่ต้องเช็กอินทุกอย่างเหมือนกับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครั้งแรกทั้งหลาย แต่ที่ประทับใจกว่าคือสองครั้งหลังที่ได้กลับไปอีก เพราะทั้งสองครั้งหลังนี้ได้เข้าชม Biennale งานแสดงศิลปะที่โด่งดังระดับโลกของเวนิซ จัดทุกๆสองปีและมีต่อเนื่องยาวหลายเดือน แทบทุกประเทศในโลกต้องส่งผลงานศิลปินมาจัดแสดงกันอย่างอลังการไม่ให้น้อยหน้ากัน

จากโซเฟียเราวางแผนขับรถไปตามเมืองต่างๆวนเป็นวงกลมเกือบทั่วทั้งประเทศ เมืองที่เราใช้เป็นฐานพักอยู่หลายวันก็คือ Veliko Tărnovo เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของบัลแกเรีย ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ และเป็นเมืองที่สะดวกในการใช้เป็นฐานตั้งในการสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง

ชีวิตนี้ฉันมาเบลเยี่ยมกี่ครั้งแล้วก็นับไม่ถูก แต่ทุกครั้งที่มาก็จะเป็นการเยี่ยมบ้านเยี่ยมญาติ ไม่ค่อยมีกิจกรรมท่องเที่ยวเท่าไหร่ ทริปกลับบ้านปีใหม่ปีนี้ตอนที่ขับรถผ่านเมือง Leuven อยู่ดีๆฉันก็เอ่ยปากขึ้นมากับสามีว่า นี่เมืองนี้ที่ยูเรียนมหาวิทยาลัยจนจบมาน่ะ ได้ข่าวว่ามันมีสถาปัตยกรรมสวยงามน่าชมพอควร ไอไม่เคยมาเลย พามาหน่อยสิ ปรากฏว่าสามีเกิดตื่นเต้นไปด้วย บอกว่าจริงด้วยฉันไม่ได้กลับมาเยี่ยมเมืองมหาวิทยาลัยนี้มาเกือบ 30 ปีแล้ว แล้วก็ดำริว่าจะพาฉันมาแกะรอยสถานที่ๆเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ ดังนั้นเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาฉันจึงมีไกด์ท้องถิ่นตัวจริงพาไปเดินชมเมือง Leuven สบายๆ