Sunday, May 19, 2024

Latin America

ท่องเที่ยวในละตินอเมิรกา

ฉันไป Dominican Republic ประเทศบนเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในแคริบเบียน และเป็นประเทศที่ใหญ่อันดับ 3 มาสิบกว่าวัน ใครๆก็ถามว่า ตกลงน่าไปไหม ชอบเหมือนประเทศในละตินอเมริกาอื่นๆหรือเปล่า จึงขอสรุปรวมรีวิวเป็นข้อๆให้เลย

Oaxaca อ่านว่า “วาฮะค่ะ” เป็นเมืองหนึ่งในเม็กซิโกที่ฉันฝันใฝ่มาตั้งแต่ 20กว่าปีที่แล้วว่าอยากจะมาให้ได้ เหตุผลตอนแรกก็ไม่มีสาระอะไรมากไปกว่าชื่อของเมืองที่ฟังดูเอ็กโซติกดี ฟังแลดูเป็นอินเดียน ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้นเพราะนี่คือเมืองของเม็กซิโกซึ่งมีพลเมืองพื้นเมืองอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่ง

อุรุกวัยเป็นประเทศไม่ใหญ่ มีพลเมืองเพียง 3.5 ล้านคน พลเมืองครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวง จึงเท่ากับเมืองมอนเตวิดีโอนี้มีประชากรประมาณแค่เพียง 1.7 ล้านคนเท่านั้นเอง นับว่ามีขนาดกะทัดรัดใช้เวลาไม่มากก็เที่ยวได้ทั่ว ฉันเลือกพักโรงแรมย้อนยุคในตัวเมืองเก่าเลยจะได้เดินเที่ยวสำรวจได้สะดวก

เม็กซิโกมีเมืองที่เป็นเมืองมรดกโลก UNESCO อยู่กว่าสิบเมือง นับว่าเยอะมากๆ หลายเมืองอยู่ในเขต Colonial Heartland ใจกลางประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลที่ฉันหลงใหล ในเขตนี้ เมืองที่ฉันไปชมมาก็คือ San Miguel de Allende, Guanajuato และ Querétaroเมืองโคโลเนียลเล็กๆสีแสบในละตินอเมริกานี่แหละ เป็น“ที่”ของเหนือฟ้าแท้ๆ ชนิดที่ว่า ไม่มีการเดินทางไปเมืองแบบไหนที่จะทำให้ฉันมีความสุข ลงตัว เต็มอิ่ม ได้อย่างนี้อีกแล้ว

Tulum ชื่อนี้หมายมั่นปั้นมือเอาไว้นับ 10 ปีแล้วว่าจะต้องมาดูให้รู้ให้เห็นให้ได้ ก็เขาว่ามันเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลของเม็กซิโกที่เกิดใหม่ จากหาดดิบๆไม่มีอะไร กลายมาเป็นศูนย์รวมของความฮิปเก๋ชนิดที่เอลิสต์ทั้งหลายต้องมากัน

การมาเที่ยวคอสตาริก้า คือการเที่ยวธรรมชาติล้วนๆ ไม่ว่าจะลุยป่า ปีนเขา ชมสัตว์ เล่นน้ำตก ปีนภูเขาไฟ นอนริมหาด ทำโยคะ และมีกิจกรรมตื่นเต้นใกล้ชิดธรรมชาติให้ทำเช่น ล่องแก่ง Zip lining สโลแกนของประเทศนี้คือ Pura Vida หรือ Pure life จึงเหมาะสมเป็นที่สุด

Caracol ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวบ้านเรานัก แต่มันคืออาณาจักรโบราณของอารยธรรมมายาที่เคยรุ่งเรืองและมีความสำคัญสูงสุดทีเดียว อาณาบริเวณกินพื้นที่ถึง 200 ตารางกิโลเมตร เคยมีพลเมืองอาศัยถึงหนึ่งแสนคน ซึ่งนับว่ามีขนาดใหญ่กว่า Belize City เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเบลิซในปัจจุบันเสียอีก!

นิคารากัวเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันมากนักในแง่การท่องเที่ยว แต่ประเทศเล็กๆที่มีพลเมืองเพียง 6 ล้านคนนี้ก็เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกากลาง เมื่อครั้งที่ฉันวางแผนไปเที่ยวประเทศ Costa Rica ก็เกือบจะข้ามนิคารากัวไปแล้ว แต่พอเข้าไปศึกษาดูแล้วก็บอกตัวเองเลยว่า นี่แหละ ประเทศแบบเหนือฟ้าของฉัน! ฉายาของประเทศนี้ก็คือ "The land of lakes and volcanoes"

“Easter Island” ชื่อที่กัปตันชาวดัทช์ตั้งเนื่องจากแล่นเรือมาขึ้นฝั่งฉลองวันอีสเตอร์พอดีในปี 1722 หรือที่ชาวเกาะเรียกในภาษาถิ่นว่า “Rapa Nui”  หรือ “Isla de Pascua” ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่ไกลปืนเที่ยงที่สุดในโลก  หรือฝรั่งให้สมญาว่าเป็น The Remotest Island ราปานุยจึงเสมือนเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก แม้ในปัจจุบันก็ยังมีคนไม่มากที่เคยไปเยือนราปานุย  เพราะทั้งไกลและแพงกว่าจะไปถึง  ดังนั้นการบุกบั่นดั้นด้นไปถึงราปานุยจึงเป็นอีกหนึ่งฝันอันกลายเป็นจริงของฉัน  และที่พิเศษถูกจริตฉันเป็นที่สุดก็เพราะราปานุยเป็นเกาะที่มีความลับที่ยังไม่ถูกไขออก  ด้วยมีหุ่นหินรูปคนครึ่งตัวขนาดมหึมาสูงเฉลี่ย 6 เมตรยืนเรียงรายริมฝั่งทะเลอย่างไม่มีที่ใดเหมือน เรียกว่า “โมไอ” (Moai) ไม่มีใครรู้ว่าใครทำขึ้น ทำไมมีมากมายถึงร่วม 1000 ตัวบนเกาะ

คาริย็อคค่า (Carioca) หรือคนเมืองริโอภูมิใจอย่างเหลือเกินว่า  ริโอเดอจาเนโรคือเมืองที่สวยที่สุดในโลก  สวยจนมีคำกล่าวว่า  ริโอเป็นเมืองของพระเจ้า  จะเป็นด้วยแรงศรัทธาในพระเจ้าของชาวเมืองแห่งประเทศที่มีพลเมืองคาธอลิกมากที่สุดในโลกนี้  หรือด้วยความภูมิใจในความงามของริโอ  หรือจะทั้งสองอย่างรวมกันก็ตามแต่  เหนือยอดเขา Corcovado ที่สูงเด่นเห็นได้จากทุกมุมเมือง  คือความในใจนี้ที่คาริย็อคค่าประกาศให้โลกรู้  รูปปั้นพระเยซู Christ the Redeemer สูง 38 เมตร กางพระหัตถ์ออกตรงเป็นรูปไม้กางเขน  ก้มพระพักตร์อันสงบและปรานีลงน้อยๆ  ประหนึ่งจะเฝ้าปกปักรักษาดูแลเมืองริโอและคาริย็อคค่าทุกคนไว้ในอ้อมอกไม่ว่าวันหรือคืน  และแรงศรัทธานี้ยังได้ประกาศตัวเป็นครั้งที่สอง  เมื่อ Christ the Redeemer ได้ถูกรับรองเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เมื่อปี 2007